|
 |
แสดงเรื่องทั้งหมด ................................................................ ตั้งหัวข้อเล่าเรื่อง .....
|
สนทนาพ่อแม่ |
ประกาศ: |
เด็กอัจฉริยะ |
ข้อความ: |
อยากทราบวิธีเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นอัจฉริยะ |
ผู้ถาม: |
M i n d |
ประกาศวันที่: |
04/10/2006 |
|
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
ปัจจุบันทราบว่ามีหน่วยงานที่ส่งเสริมด้านอัจฉริยภาพเด็กหลายแห่งเช่น ศูนย์อัจฉริยภาพเด็ก รร มหิดลวิทยานุสร โทร.028497162 ที่มศว.ประสานมิตร โทร 02-2602601 และศูนย์ค้นหาศักยภาพการคิด ลำลูกกา ปทุมธานี 02-5601141 คิดราคา ประมาณ 4500 บาท ใช้เวลาช่วง Summer |
ผู้ตอบ: |
pin |
ตอบวันที่: |
19/04/2007 |
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
เคยฟังรายการวิทยุ FM 96.5 มี อาจารย์จาก ม.ศรีนครินทรวิโรฒพูดเกี่ยวกับการเป็นอัจฉริยะไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถทำได้ แต่พอดีว่าจดที่อยู่และเบอร์ที่ติดต่อไม่ทัน ทำให้ไม่สามารถติดต่อหรือหาข้อมูลได้ ซึ่งเป็นเว็บเกี่ยวกับ จีเนียส ถ้าอาจารย์ทราบวิธีการติดต่อให้ช่วยแจ้งมากให้ทราบบ้างนะคะ อยากจะขอคำแนะนำ |
ผู้ตอบ: |
jea |
ตอบวันที่: |
22/11/2006 |
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
เด็กอัจฉริยะ ไม่ใช่เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา จะมีลักษณะเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไปแต่จะมีพัมนาการทางด้านสติปัญญา การคิด สมองไวกว่าเด็กปกติในรุ่นเดียวกัน มักจะแสดงความสามารถเด่นๆ ออกมาผู้ปกครองหรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดควรติดตามดูพฤติกรรมด้วยความเข้าใจ ส่งเสริมให้มีการแสดงออกอย่างถูกทาง ไม่กีดขวางความสามารถของเขา โดยคิดไปว่าเขามีพัฒนาการความสามารถเกินไวไม่เหมาะสม ซึ่งพ่อแม่ควรศึกษาหรือปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำจะได้ส่งเสริมพัฒนาการได้ถูกทาง ซึ่งเด็กอัจฉริยะบางคนอาจมีพฤติกรรมชอบอยู่คนเดียว พูดคุย เล่นคนเดียว เพราะเขาคิดว่าเขาคุยกับเด็กในวัยเดียวกันไม่รู้เรื่อง ดังนั้นเขาจะเลือกอยู่คนเดียว พูดหรือ ทำกิจกรรมคนเดียว และคิดว่าคนรอบข้างในวัยเดียวกันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเขาทำ ดิฉันได้ไปค้นเจอเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กอัจฉริยะเลยนำมาฝากคุณเจ้าของกระทู้เพื่อจะเป็นประโยชน์ และแนวทางในการเลี้ยงดูลูกที่เป็นเด็กอัจฉริยะนะคะ
เด็กอัจฉริยะ
อัจฉริยะ (Genius) จริงๆแล้วหมายถึงความสามารถทางปัญญาสูง มีสมรรถนะในการคิด ประดิษฐ์ สรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆให้แก่โลกมนุษย์ ถ้าพูดถึงอัจฉริยะนึกถึงใครกันบ้างคะ ในหลวงของเราก็ได้รับการยกย่องว่า เป็นพระผู้มีอัจฉริยะภาพ ดังที่พวกเราทุกคนได้ประจักษ์ดี แต่ถ้าให้เป็นสากลหน่อยก็ต้อง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ล่ะ อัจฉริยะภาพนั้นจะวัดได้ก็เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ และสร้างสรรค์ผลงานออกมาจนเป็นที่ยอมรับแล้ว แต่สำหรับคุณหนูๆทั้งหลาย จะเรียกว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านค่ะ สังเกตได้จากพฤติกรรมเหล่านี้
1. แสดงความสามารถในการใช้ศัพท์ได้สูงกว่าวัย เช่น ลูกอายุ 2 ขวบ สามารถพูดว่า "แม่หมากำลังมาหาลูกหมาแล้ว" แทนที่จะพูดว่า "หมา หมา" เป็นต้น
2. ช่างสังเกต และตื่นตัวอยู่เสมอ เด็กที่เก่งมักจะสังเกตในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และจำได้ดี
3. สามารถอธิบายเรื่องราวที่ได้ทำมาในวันนั้นได้อย่างดี
4. มีสมาธิ ตั้งใจทำอย่างใจจดใจจ่อ ในเรื่องที่ตนสนใจ
5. มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถแสดงออกมาได้ เป็นต้น
หากท่านค้นพบว่าลูกท่านมีความสามารถพิเศษอย่างเพิ่งตื่นเต้นดีใจ
การปฏิบัติตัวของผู้ปกครอง
คุณพ่อคุณแม่คะ อย่าเพียงหลงว่าลูกเป็นเด็กพิเศษเพราะยีนของเรา เพราะจริงๆแล้วคนเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ยังคงต้องทำหน้าที่ของความเป็นผู้ให้ อย่างไม่มีวันหยุดสิ้นแหละนะคะ ที่พูดมานี่ก็เพื่อจะบอกว่าสิ่งแวดล้อมที่เราสร้างขึ้นนั้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเจริญเติบโตของเด็กค่ะ มาดูกันนะคะว่า เราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อพบว่าลูกของเรามีความสามารถพิเศษ
1. จัดบรรยากาศ และเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นคว้าอย่างเหมาะสมกับวัย เด็กทุกคนมีความอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ
2. ให้เด็กได้เล่นกับผู้อื่น หรือพบเพื่อนใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการทางสังคม และอารมณ์ในการรู้จัก แพ้ชนะ ให้อภัย และช่วยเหลือผู้อื่น เด็กจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
3. ให้โอกาสเด็กได้สัมผัสสิ่งแปลกใหม่โดยพาไปพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน สวนสัตว์ เที่ยวตามธรรมชาติ อย่าพาไปแต่ห้างสรรพสินค้า หรือเล่นเครื่องเล่นเพียงเท่านั้นนะคะ พูดถึงตรงนี้ก็มีเรื่องเศร้าจะเล่าสู่กันฟัง ปูเคยถามน้อง 2 ขวบกว่าๆว่ารู้จักน้ำตกไหมคะ เขาตอบว่ารู้จักครับ เลยถามต่อว่าอ๋อ..หนูเคยไปเที่ยวน้ำตกไหนมาคะ น้องเขาบอกว่าที่หน้าโรงแรมเจ้าพระยาไงครับ ปูก็เลยอึ้ง อึ้ง ไปเลยหัวเราะไม่ออกนะคะ
4. ต่อมาก็ต้องทำตัวเป็นเด็ก เวลาอยู่กับเด็กๆ สนุกไปกับเขาตามประสาเด็กๆ ถ้าผู้ใหญ่สามารถทำงานได้สนุกอย่างที่เวลาเด็กๆตั้งใจเล่น ซึ่งก็คืองานของเขาเหมือนกัน ดูสิคะว่าใครอยากจะหยุดงานบ้าง ขณะเล่นก็แทรกความรู้ให้เด็กๆ โดยการถามตอบปัญหากันอยู่เสมอ อย่ากังวลว่าจะตอบไม่ได้นะคะ บอกไปเลยว่านั่นสินะ พ่อไม่รู้เหมือนกันเดี๋ยวไปหาคำตอบแล้วจะกลับมาบอกละกันนะครับ แค่นี้ก็ผ่านฉลุย วันหน้าวันหลังเราก็ไปหามาตอบตามสัญญา ได้ความรู้กันทั่วหน้าเลย
5. เล่นสนุกก็อย่าลืมสังเกตเด็กด้วยนะคะ เราต้องประเมินความสนใจของเด็ก เพื่อจะได้ส่งเสริมในสิ่งที่เขาถนัด แล้วอย่าลืมแนะกิจกรรมอื่นๆให้เขาได้รู้จักด้วย ไม่ใช่ว่าลูกชอบวาดภาพก็ให้ทำแต่ศิลปะ จนไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นกีฬา หรือดนตรีบ้าง
|
ผู้ตอบ: |
2462100682 |
ตอบวันที่: |
31/10/2006 |
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
เลี้ยงลูกให้เป็นอัจฉริยะก็ต้องปลูกฝังศีลธรรมและจริยธรรมด้วยนะคะ ไม่ใช่เอาความอัจฉริยะไปใช้ในทางที่ผิดก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น |
ผู้ตอบ: |
ไก่ |
ตอบวันที่: |
04/10/2006 |
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะหรอกค่ะ แค่เรียนปานกลางไม่ต้องตกซ้ำชั้น แต่เป็นเด็กดี สุขภาพแข็งแรง รักพ่อแม่ก็พอค่ะ |
ผู้ตอบ: |
ไหมไทย |
ตอบวันที่: |
04/10/2006 |
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
เคยถามตัวเองเหมือนกัน ว่าการเรียนสมัยนี้มีการกวดเข้ม ติวกันอย่างหนัก เหมือนกับการแข่งขันโดยมีการเดิมพันคือความสำเร็จ ผู้ปกครองบางท่านสนใจกับการหาที่ติวที่เรียนอย่างเอาจริงเอาจัง แต่จริงๆแล้วคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานไม่เพียงแต่ต้องฉลาด เรียนรู้เก่ง ก็หาเป็นความจริงไม่ เพราะว่าในโลกยุคปัจจุบันซึ่งมีการแข่งขันที่รุนแรง ผมว่าใครอดทนกว่า เข้าใจในเป้าหมายได้ดีกว่า คนนั้นจะประสบความสำเร็จได้ดีกว่า เห็นด้วยกับบทความข้างต้น ที่ว่าซีกในเอเซียเน้นให้เรียนโดยมุ่งแต่วิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ไม่รู้จัก การมาประยุกต์ใช้ ตำราก็พยายามสอนเล่มเดิมๆ ทางด้านสังคมหรือความเปลี่ยนแปลงกับไม่ค่อยคำนึงถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เน้นมากๆคือเป้าหมายที่เขาเรียนจบในชั้นนั้นๆ เช่น อนุบาล1 คาดหวังว่าต้องได้อะไร หรือชั้น ป.1 ต้องการคาดหวังตามเป้าหมายหรือไม่ สิ่งนี้ต่างหากที่ควรปรับปรุงเพื่อให้เด็กๆได้รู้จักวิธีแก้ไข คิดอย่างสร้างสรรค์ และไปถึงจุดหมายได้อย่างมีคุณภาพ |
ผู้ตอบ: |
วี |
ตอบวันที่: |
04/10/2006 |
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
กลุ้มใจ หาโรงเรียนให้ลูกไม่ได้ ไปที่ใหนก็ไม่ รับลูกเราเข้าเรียน เนื่องจากเป็นอายุ 4.5ปี แล้วยังบอกขับถ่ายไม่ได้ยังพูดไม่ได้ สงสารลูกมากคะ |
ผู้ตอบ: |
ปัญหาเรื่องลูก |
ตอบวันที่: |
04/10/2006 |
|
คำตอบ |
ข้อความที่ตอบ: |
เอเชียแปซิฟิกถกข้อมูล “เด็กอัจฉริยะ” นักวิชาการสรุปเด็กในซีกโลกตะวันออกได้รับการเลี้ยงดูที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก มุ่งแต่เรียนและต้องเรียนให้ชนะ ต้องเก่ง ไม่ได้มุ่งคุณธรรม จริยธรรม ชี้ชัดส่งผลต่อความอิสระในการคิดสร้างสรรค์ ด้าน “ดร.อุษณีย์" เผยสูตรลับในการทำให้ลูกเป็นอัจฉริยะ ก็คือพ่อแม่ต้องไม่คาดหวังว่าลูกจะเป็นอัจฉริยะ คนที่คาดหวังอยากให้ลูกเป็นอัจฉริยะจะไม่มีทางเป็นอัจฉริยะได้
ผศ.ดร.อุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์ รองประธานโครงการจัดตั้งสถาบันและพัฒนาผู้ที่มีความสามารถพิเศษและเด็กที่มีความต้องการพิเศษแห่งชาติ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) เปิดเผยว่า ในปีนี้กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกได้จัดประชุมนานาชาติเกี่ยวกับเด็กอัจฉริยะขึ้นที่ประเทศไต้หวัน โดยมีนักวิชาการที่ทำงานกับเด็กอัจฉริยะจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมประชุมมากมาย
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้พูดกันถึงเรื่องหลักสูตรที่สร้างขึ้นเพื่อเด็กกลุ่มนี้ว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันยุคทันสมัย มีการพูดถึงเรื่องความหลากหลายของสติปัญญามนุษย์จะนำไปสู่การจัดกระบวนการศึกษาและกระบวนการเรียนรู้อย่างไร เพราะถ้าสามารถจัดการกับความหลากหลายทางสติปัญญาของมนุษย์ได้ ก็จะมีคนเก่งจากประเทศต่างๆ อีกมากมาย แต่ถ้าหากไม่สนใจเด็กกลุ่มอัจฉริยะ จะทำให้เด็กกลุ่มนี้เสียโอกาส และไม่สามารถพัฒนาให้ไปสู่เป้าหมายได้ ซึ่งเด็กบางคนอาจจะเป็นอัจฉริยะบุคคลได้ หากสนับสนุนให้ถูกทิศถูกทาง และต้องมีความเข้าใจเด็กกลุ่มนี้ด้วย
“พ่อแม่ยุคใหม่ที่มีการศึกษาต่างพยายามอยากให้ลูกเก่ง ขวนขวาย พยายาม หากแต่ขอบอกว่ามันมีสูตรลับในการทำให้ลูกเป็นอัจฉริยะ ก็คือพ่อแม่ต้องไม่คาดหวังว่าลูกจะเป็นอัจฉริยะ คนที่คาดหวังอยากให้ลูกเป็นอัจฉริยะจะไม่มีทางเป็นอัจฉริยะได้ คนที่ผลักดัน เคี่ยวเข็ญอย่างหนักหน่วง ต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้จะไม่มีทางเป็นอัจฉริยะได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องบ่มเพาะในเด็กกลุ่มนี้ก็คือ ความอดทน เพราะความอดทน อึด จะทำให้เด็กไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น”
“นักวิชาการเกือบทุกประเทศในซีกโลกตะวันออกพูดตรงกันก็คือ เด็กในซีกโลกตะวันออกได้รับการเลี้ยงดูที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก เด็กเรียนหนังสือมาก ส่วนใหญ่มุ่งแต่การเรียนและต้องเรียนให้ชนะ ต้องเก่ง ประกอบกับการคัดเลือกเข้าสู่สถาบันอุดุมศึกษา มุ่งแต่วิชาการเพียงอย่างเดียว ไม่ได้มุ่งคุณธรรม จริยธรรม ไม่ได้มุ่งการเรียนรู้ทางสังคมหรือเรื่องอื่นๆ จะเห็นว่าการศึกษาในกรอบเดิมยังไม่เปลี่ยน ซึ่งจะส่งผลถึงเด็ก บางคนสงสัยว่าทำไมเด็กควรจะเก่งแต่กลับไม่เก่ง เพราะเราไม่ให้เวลาแก่เด็กอย่างมีอิสระ ในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกมีปัญหามาก ประเทศเกาหลีพยายามแก้ไขเรื่องนี้ แต่ก็ทำได้ไม่มากนัก ส่วนใหญ่เขาจะให้ความสำคัญกับวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กในโลกซีกตะวันตกนั้นแม้จะดูมีความสามารถทางการคิดสร้างสรรค์ คิดประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เนื่องจากเขามีอิสระมาก แต่น่าห่วงตรงที่วิชาการเขามีไม่เพียงพอ”ดร.อุษณีย์กล่าวสรุป
|
ผู้ตอบ: |
Anubarn |
ตอบวันที่: |
04/10/2006 |
|
|
|
|
|
|
|